Wednesday, April 9, 2014

ร่วมรำลึก เมษาเลือด...10 เมษา 53




  1. (วีดีโอ) ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ "รำลึกวีรชน ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" ต้องไม่ลืม มันประหัดประหารประชาชนอย่างเลือดเย็น กบาลกะบูม* สมองไหล เลือดสาด กลาดเกลื่อน คนสั่งประหัดประหาร และ คนสั่ง-คนสั่งประหัดประหาร ยังลอยนวลอยู่  https://www.facebook.com/photo.php?v=303693266447935&set=vb.219037371580192&type=2&theater
    [​IMG]
    [​IMG]
  2. [​IMG]

     





  3. [​IMG]


                       
  4.        

     


    [​IMG]

       รำลึกวีรชน 10 เมษายน 53

  5. นับ จากวันที่ 13 มีนาคม 2553
    วันแรกที่ม็อบเสื้อแดงปักหลักตั้งเวทีที่สะพานผ่านฟ้าฯ ถ.ราชดำเนิน
    ก่อนขยายไปยังเวทีใหญ่สี่แยกราชประสงค์

    สมรภูมิแรกที่เกิดเหตุคือถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553

    เหตุการณ์ในคืนวันนั้น มีประชาชนและทหารเสียชีวิต
    รวมกันถึง 27 ราย บาดเจ็บราว 1,700 คน

    จากวันนั้นก็เกิดเหตุ ′ฆ่าหมู่′ หรือ ′ลอบฆ่า′ ทั้งประชาชน
    และม็อบตายเป็นใบไม้ร่วง โดยฆ่าต่อเนื่องถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
    ซึ่งเป็นวันที่แกนนำเสื้อเแดงประกาศสลายการชุมนุม

    เป็นความสูญเสียมากกว่าการชุมนุมในอดีตที่ผ่านมาทุกครั้ง
    เป็นความสูญเสียมากกว่าฝีมือของรัฐบาลจอมพลหรือพลเอกเสียอีก!??

    ลำดับเหตุการณ์เลือด

    วันที่ 8 เมษายน 2553
    นายสุเทพ มีคำสั่งให้สถานีดาวเทียมไทยคมระงับการแพร่ภาพ
    ของสถานีโทรทัศน์พีเพิ่ล ทีวี หรือพีทีวี ซึ่งเป็นสถานีของคนเสื้อแดง
    ถ่ายทอดสดการชุมนุม พร้อมส่งทหารเข้าไปควบคุม

    ทำให้วันที่ 9 เมษายน ม็อบเดินทางไปยังสถานีไทยคม ที่อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อให้เปิดสัญญาณถ่ายทอดอีกครั้ง
    กระทั่งปะทะกับทหารแต่ไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น

    แต่ จากจุดนี้เองทำให้นายอภิสิทธิ์ แสดงความไม่พอใจว่าม็อบท้าทายกฎหมาย และวันที่ 10 เมษายน คำสั่งสลายม็อบราชดำเนิน ที่ออกมาในวลีเท่ๆ ว่า ′ขอคืนพื้นที่′ ก็ออกมาจากศอฉ.

    โดย ช่วงสายวันที่ 10 เมษายน
    แกนนำเสื้อแดงทราบการข่าวว่ารัฐบาลสั่งสลายม็อบที่ราชดำเนิน
    จึงระดมม็อบที่ราชประสงค์เดินทางไปสมทบ
    เพื่อช่วยเหลือกรณีที่เกิดเหตุรุนแรง ขึ้น

    แกนนำรวมตัวกันที่พระบรมรูปทรงม้า
    ก่อนเคลื่อนไปยังหน้ากองทัพภาคที่ 1
    หลังพบว่ามีหน่วยกำลังเตรียมพร้อมอยู่ภายใน และคาดว่าเป็นทีมสลายม็อบ

    13.00 น. เกิดเผชิญหน้ากันครั้งแรกเมื่อม็อบพร้อมรถบรรทุก
    ไปปิดด้านหน้ากองทัพภาคที่ 1 ป้องกันทหารเคลื่อนกำลังออกมา
    แม้จะสามารถสกัดกั้นไว้ได้ แต่เป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น

    ทหารเคลื่อนพลล้อมกรอบ

    ราว ครึ่งชั่วโมงต่อมาทหาร 3 หน่วยปฏิบัติการล้อมกรอบผู้ชุมนุม เริ่มจากทหารในกองทัพภาคที่ 1 เคลื่อนกำลังออกมาทางถ.ศรีอยุธยา ซึ่งจุดนี้มีม็อบอยู่ราว 500 คน

    แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และน้ำ ระดมฉีดเข้าใส่ ขณะที่ทหารตั้งแต่ผลักดันม็อบจนถอยร่น จนทหารเข้ายึดพื้นที่บริเวณพระบรมรูปทรงม้าได้สำเร็จ จากนั้นก็ผลักดันผู้ชุมนุมออกไปอีก

    ขณะเดียวกันมีกำลังทหารจาก ถ.พิษณุโลก และแยกวังแดง เดินหน้าบีบผู้ชุมนุมที่กระจัดกระจายอยู่ให้มารวมกันที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ และแยกคอกวัว โดยรอบๆ ทั้งถนนดินสอ และถนนตะนาว มีทหารเข้ายึดครองได้หมด

    ตามแผนคือให้ผู้ชุมนุมมารวมที่สะพานผ่านฟ้าฯ ก่อนผลักดันให้ออกไปทางถนนหลานหลวง โดยมีเฮลิคอปเตอร์บินโปรยแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุม

    ทหาร และผู้ชุมนุมปะทะกันเป็นระยะๆ จนถึงตอนเย็น เจ้าหน้าที่เริ่มใช้อาวุธจริงยิงขู่ขึ้นฟ้า จนเมื่อการปะทะหนักหน่วงขึ้นบวกกับม็อบจากราชประสงค์เดินทางมาสมทบ

    แสง แดดเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ อากาศขมุกขมัวลง ทั้งนักวิชาการหรือผู้เกี่ยวข้องออกมาเตือนรัฐบาลผ่านทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ให้ยุติการสลายม็อบไว้ก่อน เนื่องจากบรรยากาศเริ่มมืดลงเรื่อยๆ การสลายม็อบในเวลานี้ สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสีย

    " แต่อภิสิทธิ์ก็ จั๊ดง่า .... ว !!!!!!!!! "

    ศอฉ.โฆษกออกแถลงการณ์ยืนยันว่า
    ต้องเดินหน้าลุยปราบต่อไปไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม

    แล้วสถานการณ์ก็เป็นดังที่ทุกฝ่ายเตือน ในช่วงค่ำเกิดความอลหม่าน เสียงปืนระเบิดดังระงม

    ศพแรกๆ ที่เกิดความสูญเสียคือ นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น ถูกยิงตายบริเวณจุดปะทะถนนดินสอ

    จาก พยานหลักฐานต่างๆ เชื่อว่าตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
    เนื่องจากช่วงเกิดเหตุนายมูราโมโตะ ที่ตอนแรกอยู่ในแนวทหาร
    ถือกล้องเดินข้ามฝั่งมาถ่ายภาพบริเวณม็อบ
    จนเมื่อหันกล้องกลับไปแนวเจ้าหน้าที่ก็ถูกกระสุนความเร็วสูงยิงเจาะเข้าร่าง
    ผู้ชุมนุมช่วยกันอุ้มนายมูราโมโตะ
    ออกจากจุดปะทะส่งโรงพยาบาล แต่ก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้

    การ ปะทะระหว่างทหารกับม็อบมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง
    และบาดเจ็บหลักร้อยคน โดยทหารไม่สามารถผลักดันม็อบ
    ออกจากพื้นที่ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้

    หลังศอฉ.มีคำสั่งให้ทหารเดินหน้าลุยปราบม็อบโดยไม่สนใจคำเตือน
    สถานการณ์ยิ่งรุนแรงมากขึ้นและชุลมุนขึ้นเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
    ตัวเลขความสูญเสียมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ม็อบก็เสริมกำลังเข้ามาเรื่อยๆ เช่นกัน

    มีรายงานว่าในศอฉ.เองก็เคร่งเครียด
    เพราะตัวเลขที่ได้รับรายงานมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
    แกนนำม็อบประกาศไล่ผู้นำมือเปื้อนเลือดออกนอกประเทศ

    การ ปะทะเกิดขึ้นหลายจุดทั้งแยกคอกวัว ถนนดินสอ แยกจปร.
    จนราว 2 ทุ่ม นายอภิสิทธิ์มีคำสั่งให้ถอนกำลัง
    หลังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
    เพราะยิ่งฆ่า ม็อบก็ยิ่งเข้ามาเสริมเยอะขึ้นเรื่อยๆ

    มี รายงานว่าถึงตอนนี้ในศอฉ.เต็มไปด้วยความตึงเครียด
    เพราะประชาชนสูญเสียมากเกินไป และในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนสามารถอยู่ได้หากมือเปื้อนเลือดประชาชน

    แต่ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารก็สูญเสียด้วย

    จากกรณีเกิดเหตุปะทะกันที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทย์ และมีเอ็ม 79 ยิงถล่มเข้าไปภายในโรงเรียน ตกใส่เต็นท์บัญชาการของทหาร

    พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ. แม่ทัพใหญ่ในปฏิบัติการนี้เสียชีวิต และมีทหารบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง!!!

    นะโม ตัสสะ


  6. [​IMG]
    นายกิตติพงษ์ กฤตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงท่าทีเช่นเดียวกับปลัดสธ.โดยโพสต์ในเฟสบุคให้มีการปฎิรูปก่อนการเลือกตั้ง

                                                        

  7. Dee Meenee ได้แชร์รูปภาพของ RED News UP2Date
    5 ชม. ·
    เอา มารื้อฟื้นความทรงจำ..พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือ “ผู้การแดง” เป็นบุตรชายของคนโตของ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เจ้าของฉายา "นายพลเสื้อคับ" อดีตผู้บัญชาการทหารสูง สุด และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) การปฏิวัติรัฐประหารในปี 2534 ในเวลาต่อมาได้นำไปสู่ “เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ” ในปีถัดมา โดยภาคประชาชนได้ดำเนินการเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลที่มี พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี และต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535 โดยจากการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามของทหารภายใต้การสั่งการของ พล.อ.สุจินดา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

    และจากเหตุการณ์ปฏิวัติของ รสช.ในปี 2534 โดยการนำของบิดาของ พล.ต.อภิรัชต์ รวมถึงรัฐประหารปี 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนั้น มียศเพียง “พลตรี” ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการร่วมยึดอำนาจด[​IMG]