Saturday, August 25, 2012

ราชวงศ์วินเซอร์ กับราชวงศ์จักรี https://www.facebook.com/photo.php?fbid=262917697161519&set=a.113346208785336.13804.100003298721741&type=1&theater วันนี้รู้สึกสงสารเจ้าชายแฮรี่ และราชวงศ์วินเซอร์ ที่โดนถล่ม จึงขอนำเรื่องเปรียบเทียบระหว่างเจ้าชายแฮรี่ และราชวงศ์วินเซอร์ มาเปรียบเทียบกับราชวงศ์จักรี เสียหน่อย ขอเริ่มเมื่อยุคยุคสงครามโลกครั้งที่สองเลยแล้วกันไม่งั้นจะยาวเกินไป เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ลอนดอนโดน ฮิตเลอร์และเยอร์มัน ส่งจรวด V1 V2 และฝูงบินทิ้งระเบิด Luftwaffe ผลัดกันเข้าโจมตี ราชวงศ์วินเซอร์ อยู่ที่ไหน ???? ตอบอยู่ที่ ลอนดอน มีบางช่วงอาจจะอพยพไปอยู่ในชนบทอังกฤษบ้าง เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทย โดนญี่ปุ่นยึด (ยังไม่โดนทิ้งระเิบิด) ราชวงศ์จักรีอยู่ที่ไหน ????? ตอบ เล่นสกีลั้ลลาอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ อ้าว แล้วตอนโดนพันธ์มิตรส่ง B 29 มาทิ้งระเบิดล่ะ ตอบ ก็ยังลั้ลลาอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ จนกระทั่ง ท่านปรีดี พนมยงค์ นำเสรีไทย เจรจาจนไทยพ้นจากสภาพ ประเทศแพ้สงคราม ราชวงศ์จักรีจึงกลับมาเป็น "มิ่งขวัญ" ชาวไทย (ตรงไหนฟระ) ราชวงศ์วินเซอร์ นำโดย ควีนอลิซาเบธ รับเงินภาษีจากรัฐบาลมาใช้จ่ายหรือป่าว ตอบ รับแต่ถ้าประเทศมีปัญหา ราชวงศ์จะตัดเงินงบประมาณลงทันที แม้ปัจจุบัน ราชวงศ์วินเซอร์ เดินทางไปไหนเรื่องส่วนตัว ก็จะใช้บริการแท็กซี่ รถไฟ ปัจจุบัน ราชวงศ์วินเซอร์ได้รับเงินจากรัฐบาลราว 1700 ล้านบาทต่อปี แม้แต่เมื่อพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ไฟไหม้ รัฐบาลยังไม่จ่ายค่าซ่อมแซม ราชวงศ์ต้องเปิดราชวังให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่าย ในการซ่อมแซม ราชวงศ์จักรี นำโดย ภูมิพล รับเงินภาษีจากรัฐบาลมาใช้จ่ายหรือป่าว ตอบ รับ แม้กระทั่ง ยุคปี 40 ที่เศรษฐกิจไทยล่มสลาย เงินงบประมาณ ราชวงศ์ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยมีคำว่าลด ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่ารถ ค่าเครื่องบิน ราชวงศ์จักรี ก็รับอยู่ราว 3500 ล้านบาท มากกว่าราชวงศ์วินเซอร์ 2 เท่า ราชวงศ์จักรี มีพระราชวังอยู่ทั่วประเทศ หลายสิบพระราชวัง ไม่เคยมี ราชวงศ์ ไปพำนักแม้แต่ครั้งเดียว แต่รัฐบาลก็ต้องจ่ายค่าดูแลรักษา น่าจะมีเกือบร้อยพระราชวัง ราชวงศ์วินเซอร์เสียภาษีหรือไม่ ตอบ เสีย ราชวงศ์จักรี เสียภาษีหรือไม่ ตอบ ไม่เสีย แม้แต่ค่าไลเซ่นส์นักบิน ของฟ้าชาย กระทรวงคมนาคม ยังต้องออกกฏกระทรวงงดเว้นการเก็บ ราชวงศ์วินเซอร์ เลี้ยงสุนัขหรือไม่ ตอบเลี้ยง ควีนอลิซาเบธ เลี้ยงสุนัขพันธ์คอร์กี้ ราว 10 ตัว แต่ไม่เคยพาออกงาน เลี้ยงอยู่แต่ในพระราชวัง และไม่เคยบังคับให้ คนรับใช้ ต้องคุกเข่าให้สุนัข หรือบังคับให้ประชาชนกราบสุนัข ราชวงศ์จักรี เลี้ยงสุนัขหรือไม่ ตอบ ก็ทราบ ๆ กันอยู่ นอกจากเลี้ยงสุนัขแล้ว ยังพาออกงานให้บรรดา ข้าราชการคุกเข่าให้สุนัข ประชาชนกราบสุนัข แม้แต่ นายพลอากาศเอกฟูฟู เคยกระโดดขึ้นโต๊ะงานกาลาดินเนอร์ เดินไปเลียน้ำจากแก้วของเอกอัครข้าราชทูตอเมริกามาแล้ว คราวนี้ลองมาดูที่เจ้าชายแฮรี่ เจ้าชายเพลย์บอยแกะดำดู เจ้าชายแฮรี่ ไม่รู้จักเป็นผู้ใหญ่เสียที อารมณ์ร้อนพอ ๆ กับผมสีแดง (ฝรั่้งเชื่อว่า ผมสีแดงหมายถึงคนที่มีอารมณ์กบฏ ใจร้อน ไม่อยู่ใน ร่องในรอย) และคึกคะนองมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังเป็นที่รักเพราะว่า มีบุคลิคห้าวหาญ พึ่งพาได้ และเป็นนักกีฬา เจ้าชายแฮรี่ มีเรื่องชกต่อยวิวาท สร้างวีรกรรมไว้เยอะ ไม่ว่าจะสูบกัญชา เมาเหล้า แต่งชุดนาซีไปงานวันเกิดเพื่อน ถ้ามองกันอย่างเป็นธรรม เจ้าชายแฮรี่ เป็นเด็กติดแม่ และโชคร้ายที่เจ้าหญิงไดอาน่าจากไปตั้งแต่.. เจ้าชายแฮรี่อายุเพียง 12 ขวบ จึงออกจะเป็นหนุ่มขี้เหงา โหยหาความรักอยู่เสมอ แต่เจ้าชายแฮรี่ก็มีเรื่องดี ๆ มากมายเช่น อุทิศตนเพื่อช่วยองค์กรการกุศล ช่วยระดมเงินช่วยเหลือทหารในสมรภูมิอิรัก และอาฟกานิสสถาน เดินทางไปสำรวจขั้วโลกเหนือ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือทหารพิการ พฤติกรรมเจ้าชายแฮรี่ ก็คงพอกลบเรื่องไม่ดีไปได้ ต้องเห็นใจว่า ม้ารองบ่อน ที่ต้องอยู่ใต้ร่มเงาของพี่ชายทั้งชีวิต ก็คงจะต้องมีรายการปาร์ตี้หลุดโลกกันบ้าง คราวนี้ย้อนกลับมาอีกซีกโลกหนึ่ง น้องชายที่อยู่ใต้ร่มเงาพี่ชายมาตลอด เป็นลูกแหง่ติดแม่ หลังจากทนไม่ไหวที่จะต้องอยู่ใต้ร่มเงาพี่ชาย ก็ตัดสินใจยิงหัวพี่ซะ เอามันตอนนอนนี่แหละ หลังจากนั้นก็หลบใต้กระโปรงแม่หนีไปอยู่สวิส ถามว่ารู้สึกเศร้าเสียใจกับการตายของพี่ชายไหม คำตอบคือ เปล่าเลย เพราะยังมีเวลา ซิ่งรถจากสวิสไปฝรั่งเศส เพื่อไปเที่ยวบาร์ จีบผู้หญิง ได้ทุก อาทิตย์ (อายุ 18 เศษ ๆ ) จนวันหนึ่ง ซิ่งรถเฟี๊ยต 500cc แข่งกับพี่เขยไปฝรั่งเศส จนรถคว่ำ ตาบอด พี่สาวเสียใจมากจนต้องหย่ากับพี่เขย เมื่อกลับมารับตำแหน่งกษัตริย์ ก็ร่วมมือกับแม่ ประหาร แพะ ไป 3 ตัว เพื่อปิดคดี ลอบปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ หลังจากนั้น ก็ร่วมมือกับ สฤษดิ์ จอมเผด็จการขี้โกง บังคับให้ประชาชน ต้องกราบไหว้ (ตอนหลังพัฒนาไปต้องกราบหมาด้วย) สร้างภาพ ออกกฏหมายห้ามวิจารณ์ มีผุ้ติดคุกเพราะวิจารณ์ กษัตริย์บอด มากมาย ลองถามใจกันดูว่า เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว ระหว่าง ราชวงศ์วินเซอร์ กับราชวงศ์จักรี ราชวงศ์ไหน ที่สมควรได้รับการยกย่อง

Wednesday, August 15, 2012

ประเทศของชนมืดบอด ที่ปกครองด้วยระบอบชราธิปไตย

ประเทศของชนมืดบอด ที่ปกครองด้วยระบอบชราธิปไตย โดย rungsira เมื่อ พุธ, 15/08/2012 - 18:06
ระบอบชราธิปไตย
ใน อาณาจักรของคนตาบอด ทั้งชายหญิงและเด็ก คนตาบอดข้างเดียวจึงได้เป็นราชา ขณะที่รัฐอันปกครองด้วย ระบอบชราธิปไตย จึงมีชายชราเป็นพระราชา แวดล้อมด้วย อำมาตย์,มุขมนตรี ล้วนแก่เฒ่าชราภาพ ประเทศของชนมืดบอด ที่ปกครองด้วยระบอบชราธิปไตย จึงมีความเป็นไปดังคำอธิบายไว้เบื้องต้น การว่าราชการของราชาเนตรเดียว และเหล่าเสนาบดีตาบอด จึงเป็นไปโดยหรี่สลัวทึมเทา การขับเคลื่อน ของระบบราชการเมืองตาบอด จึงเชื่องช้ายืดยาด ตามประสาระบบแห่งไม้เท้านำทางและมีหมานำ
ความเป็นอยู่ของประชาบอดไพร่ฟ้า จึงจ่มเจียม เนิบนาบ พออยู่พอกิน มิฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม การอันใดที่ แปลกใหม่ ความคิดเห็นที่ผิดแผก จึงเป็นความผิดวิปลาสและจักต้องโทษทัณฑ์กบิลเมือง ด้วยเหตุเพราะ คนที่ตามองเห็นเท่านั้นจึงจะรู้แจ้งความจริง ไฉนเลยไพร่ผู้ตามืดบอดทั้งสองข้าง จึงจักสู่รู้อวดดีกว่า พระราชาตาเดียวผู้เปรื่องปราชญ์อัจฉริยะ ทัณฑ์ที่ได้รับจึงสมควรแก่เหตุ ธรรมเนียมจารีต ที่ได้ตรากำหนดยึดถือกันว่า " หากแม้นมีทารกไม่ว่าชายหรือหญิง เกิดมาพร้อมดวงตาสดใสไม่มืดบอด นางตำแยผู้ทำคลอด นั้น ต้องกำจัดทารกที่อาจเป็นภัยในภายภาคหน้านั้นเสีย แม้นว่ารู้เห็นเป็นใจให้เด็กนั้นมีชีวิตรอด ปลอดภัย นางตำแยผู้นั้น และบิดา-มารดาของทารก จักต้องได้รับโทษถึงแก่ชีวิต" ... เหมือนดังฟาโรห์ผู้เxี้ยมโหดที่สุดในบรรดาฟาโรห์ของอาณาจักรอิยิปต์โบราณ ที่ได้สั่งทหารให้ฆ่าทารก เพศชายชาวยิวทุกคน ที่เกิดในแผ่นดินของเขา ด้วยเห็นว่าคนยิวมีมากเกินไป และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ของอาณาจักรในภายภาคหน้า .. อันนี้คงคล้ายคลึงกับหน้าที่ของหน่วยงาน "กองรักษาความมั่นคงภายใน" ของ ประเทศคนตาบอด (เชิงอรรถ)
ความสมมะถะ ในการดำรงชีวิตของพลเมืองบอด คือ ปรัชญาอมมะตะ "เพียงพอแลนุ่งห่มเจียม" นั้น เป็นนโยบายสูงส่งที่ประชาชนพึงยึดไว้เป็นความสุขสูงสุดของชีวิต นับเป็นวาสนาบุญคุณหาที่สุดมิได้ ที่ได้ เกิดมาบนผืนแผ่นดินของ บิดาผู้อัจฉริยะ' ปะป๊าแมคไกวเว่อร์ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สุดบนแผ่นดินบอด คือ เสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงเท่านั้น เช่น เครื่องรับวิทยุ ชนิดให้ฟังอย่างเดียว,คำบอกเล่าปากต่อปาก และเสียงลือเสียงเล่าอ้าง รวมทั้งคำประกาศต่างๆสลับกับเสียง เพลงมาร์ชกองทหาร ... ฉันนั้น สินค้านำสื่อสารประเภทมีภาพ ทั้งนิ่งและเคลื่อนไหว จึงไร้สาระ ขายไม่ได้ เป็นสิ่งต้องควบคุม ทั้งตัวเครื่องเช่น โทรทัศน์อัจฉริยะ โทรศัพท์มีภาพและระบบนำสารแบบเฉียบคมฉับไว อาทิ สามจี สี่ที ห้ามี ทั้งหลาย ถือเป็นยุทธปัจจัย ห้ามประชาตาบอดมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต อีกประการหนึ่ง "ถึงมีไว้ก็ใช้ประโยชน์ทางจักษุทัศน์ มองดูหาได้ไม่ ใช่ไหมปวงประชาตาบอดทั้งหลาย เชื่อเราเถิด เพราะท่านทั้งหลาย ต้องมองให้ดีดี จึงจะเห็นว่าดี หากท่านมองไม่ดีท่านจะได้ชื่อว่ามองไม่ดี ทางที่ ดีท่านอย่ามองดีกว่า เพราะเราฟังแล้วเราไม่ชอบมากมาก" พระราโชวาทของ คิงบอดยอดอัจฉริยะ ให้ไว้ ณ วันที่นั้น เวลานู้น เนื่องในการออกแขกงานยี่เก
จึงเกิด "ขบวนการตาสว่าง ปลดแอกการปกครองระบอบชราธิปไตย" ที่มีเพลงปลุกใจให้ลุกขึ้น ดังว่า "จงตื่นเถิดวัวควาย อย่ามัวหลับไหลลุ่มหลง ชาติจะเรืองมั่นคงก็เพราะเราทั้งหลาย" ที่มาprachatalk